วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

Border Trade

Countertrade
                คือ    การแลกเปลี่ยนหมายถึงสินค้าหรือบริการที่จะได้รับเงินสำหรับในทั้งหมดหรือบางส่วนให้กับสินค้าหรือบริการอื่น ๆ มากกว่าด้วยเงิน การประเมินมูลค่าทางการเงิน แต่จะสามารถใช้ในการค้าเคาน์เตอร์เพื่อวัตถุประสงค์ในการบัญชี ในการติดต่อระหว่างรัฐอธิปไตยคำว่าการค้าทวิภาคีจะใช้ หรือ"ทำธุรกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการสำหรับสิ่งที่มีค่าเท่ากับ."
Drawback      
                คือ   ข้อเสียเปรียบในกฎหมายในการค้า , การจ่ายเงินกลับหน้าที่จ่ายเงินก่อนหน้านี้ในการส่งออกที่ต้องเสียภาษีหรือบทความเกี่ยวกับสินค้าจากต่างประเทศอีกครั้งการส่งออก วัตถุของข้อเสียเปรียบคือการปล่อยให้สินค้าที่อาจมีการจัดเก็บภาษีส่งออกและจำหน่ายในต่างประเทศตามเงื่อนไขเช่นเดียวกับสินค้าจากประเทศที่พวกเขาจะไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งแตกต่างจากความโปรดปรานในการที่โปรดปรานจะช่วยให้สินค้าที่จะขายในต่างประเทศที่ต่ำกว่าราคาต้นทุนของพวกเขาก็อาจจะเกิดขึ้น แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้เสียเปรียบมีผลเท่ากับว่าของโปรดปรานเช่นในกรณีของ ที่เรียกว่าโปรดปรานน้ำตาลในเยอรมนี (ดูน้ำตาล ) ก่อนหน้านี้อัตราภาษีที่มีตารางที่ซับซ้อนของเสียได้รับอนุญาตในการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์หรือ re - การส่งออก แต่เท่าที่สหราชอาณาจักรเป็นห่วง (ณ 1911) ระบบของการคลังสินค้าถูกผูกมัดข้อบกพร่องยกเลิกจวนเป็นสินค้าที่สามารถwarehoused (วางไว้ในพันธบัตร ) จนกว่าจะจำเป็นสำหรับการส่งออก
Foreign market value (FMV)   
                มูลค่าต่างประเทศ
Consumer durables      
                คงทนของผู้บริโภค  คือ ในเศรษฐศาสตร์มีความทนทานดีหรือยากดีเป็นดีที่ไม่ได้สวมใส่ได้อย่างรวดเร็วออกหรือมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งที่ทำให้สาธารณูปโภคในช่วงเวลาแทนที่จะสมบูรณ์บริโภคในการใช้งาน รายการเช่นอิฐหรือเครื่องประดับที่อาจจะพิจารณาสินค้าคงทนที่ดีที่สุดเพราะพวกเขาควรจะในทางทฤษฎีไม่เคยใส่ออก สินค้าคงทนสูงเช่นตู้เย็น , รถยนต์ , หรือโทรศัพท์มือถือมักจะดำเนินการต่อไปจะมีประโยชน์สำหรับสามปีหรือมากกว่าในการใช้งาน[ 1 ]ดังนั้นสินค้าคงทนมีลักษณะโดยทั่วไปเป็นระยะเวลานานระหว่างการสั่งซื้อต่อเนื่อง
ตัวอย่างของสินค้าคงทนของผู้บริโภครวมถึงรถยนต์, ของใช้ในครัวเรือน ( เครื่องใช้ในบ้าน , อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค , เฟอร์นิเจอร์ , ฯลฯ ), อุปกรณ์กีฬาและของเล่น .
Black market 
                  ตลาดดำ  คือการค้าสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายในตัวเองและ / หรือกระจายผ่านทางช่องทางที่ผิดกฎหมายเช่นการขายของสินค้าที่ถูกขโมยยาเสพติดบางอย่างหรือปืนที่ไม่ได้จดทะเบียน สองประเภทหลักของตลาดสีเทาจะถูกนำเข้าสินค้าที่ผลิตที่ปกติจะใช้งานไม่ได้หรือแพงขึ้นในบางประเทศและหลักทรัพย์ unissued ที่ไม่ได้มีการซื้อขายในตลาดยังอย่างเป็นทางการ บางครั้งคำว่าตลาดที่มืดใช้เพื่ออธิบายความลับ, อลหม่าน (แต่มักจะถูกต้องตามกฎหมายในทางเทคนิค) ในการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์น้ำมันดิบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2008 [ 3 ]นี้จะถือว่าเป็นชนิดที่สามของ"ตลาดสีเทา"เนื่องจากมันถูกต้องตามกฎหมายยัง ระเบียบและอาจจะไม่ได้มีวัตถุประสงค์หรือผู้มีอำนาจอย่างชัดเจนโดยผู้ผลิตน้ำมัน
Gray market goods   
                การตลาดสีเทา    คือ   ตลาดสีเทาหรือตลาดสีเทายังเป็นที่รู้จักในตลาดขนาน[
                 1 ]คือการค้าของสินค้าผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายซึ่งในขณะที่กฎหมายเป็นทางการได้รับอนุญาตหรือไม่ได้ตั้งใจโดยผู้ผลิตเดิม ระยะที่เศรษฐกิจสีเทาแต่หมายถึงคนงานการจ่ายเงินใต้โต๊ะโดยไม่ต้องจ่ายภาษีรายได้หรือส่วนร่วมในการบริการสาธารณะเช่นประกันสังคมและ Medicare
                 [ 2 ]มันเป็นบางครั้งเรียกว่าเป็นเศรษฐกิจใต้ดินหรือ"เศรษฐกิจซ่อน."
Re-export
                คือ  ได้นั้น เป็นสินค้าที่ต้องนำเข้ามาแล้วและไม่ได้ผ่านกระบวนการผลิตหรือการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหรือลักษณะใดเพิ่มเติม หรือของที่นำเข้ามาเพื่อเป็นของใช้สิ้นเปลืองสำหรบยานพาหนะที่เดินทางไปต่างประเทศ เช่นน้ำมัน หรือภาชนะที่พ่วงมากับสินค้านำเข้าและต้องส่งกลับประเทศที่ส่งออกมา
โดยปกติ แล้วสินค้านำเข้ามาในประเทศจะถูกจัดเก็บภาษี แต่ถ้าเป็นสินค้าประเภท Re-Export ซึ่งถือว่าเป็นสินค้านำเข้าเช่นกันแต่มีเงื่อนไขแตกต่างกันคือ ถูกส่งออกอีกครั้งนั้น จะมีวิธีการเก็บภาษีอากรแตกต่างกันไป ก่อนอื่นขอกล่าวถึง รูปแบบการเข้ามาของสินค้า Re-Export ว่ามีอยู่ 2 แบบ ดังนี้
                1.แบบในอารักขาของกรมศุลกากร คือ สินค้านำเข้ามาแล้วยังอยู่ในการดูแลของกรมศุลกากร และเมื่อสินค้าหรือของนั้นเข้ามา ผู้นำเข้าพร้อมทำเรื่องแจ้งนำเข้า และส่งออกในเวลาเดียวกัน สินค้า Re-Export แบบนี้จะต้องชำระภาษีอากรไม่เกินราคา 1 ใน 10 โดยคำนวณตามใบขนสินค้าขาออกแต่ละฉบับ (Invoice)แต่ไม่เกิน 1,000 บาท
                2.แบบนอกอารักขาของกรมศุลกากร คือ เมื่อสินค้าเข้ามาใน
ประเทศก็ชำระภาษีอากรนำเข้าตามปกติแล้ว ต่อมาส่งของนั้นทั้งหมดหรือบางส่วนไปต่างประเทศ และสามารถมายื่นเรื่องขอคืนภาษีอากรนำเข้าตามอัตราส่วนสินค้านำเข้าที่ส่งออกต่อไป
                การทำ Re-Export สำหรับในกรณีที่ 2 นี้ ต้องอยู่ในข้อบังคับด้วยว่าส่งออกสินค้าหรือวัสดุนั้นไปภายในหนึ่งปีนับแต่วันนำเข้าและต้องขอคืนอากรภายในหกเดือนนับแต่วันที่ส่งของนั้นออกไป ตามมาตรา 19 สำหรับสินค้า Re-Export ตามพระราชบัญญัติศุลกากร
Agribusiness
                ธุรกิจการเกษตร  คือ  หมายถึง  กระบวนการทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสาขาเกษตรและสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งครอบคลุมถึงการผลิตพืช  การเลี้ยงสัตว์  การเพาะเลี้ยงสัตว์และจับสัตว์น้ำ รวมทั้งการผลิตปัจจัยการผลิตธุรกิจการรวบรวมสินค้าจากเกษตรกร  การแปรรูป  การขายปลีก  การขายส่ง  การเก็บรักษา  การขนส่งสินค้าไปสู่ผู้บริโภค  และผู้ใช้ภายในประเทศและต่างประเทศ  และรวมถึงสินเชื่อ

Delivered at frontier
                คำที่ใช้ในการค้าระหว่างประเทศเช่นการส่งมอบที่ชายแดนเค้าร่างที่ความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการขนส่งของสินค้าที่อยู่ภายใต้การทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ความหลากหลายของเงื่อนไขที่มีอยู่สำหรับวิธีการต่างๆของการขนส่ง ส่งที่ชายแดนมักใช้เมื่อใช้การขนส่งภาคพื้นดินเช่นรถบรรทุกหรือรถไฟที่จะจัดหาสินค้าที่เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักว่าเพราะนี้เป็นคำทางกฎหมาย, ความหมายที่แท้จริงของมันคือความซับซ้อนมากขึ้นและแตกต่างกันไปตามประเทศ มันจะแนะนำให้คุณติดต่อทนายความการค้าระหว่างประเทศก่อนที่จะใช้ระยะเวลาการค้าใด ๆ
Import quota
                คือ  โควต้านำเข้าเป็นประเภทของการกีดกัน ทางการค้าข้อ จำกัดที่กำหนดขีด จำกัด ทางกายภาพเกี่ยวกับปริมาณของที่ดีที่สามารถนำเข้ามาในประเทศในช่วงเวลาที่กำหนด[ 1 ]โควต้าเช่นเดียวกับข้อ จำกัด ทางการค้าอื่น ๆ จะถูกใช้เพื่อผลประโยชน์ ผู้ผลิตที่ดีในเศรษฐกิจภายในประเทศที่ค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคทั้งหมดของดีในทางเศรษฐกิจที่
โควต้านักวิจารณ์กล่าวมักนำไปสู่​​ความเสียหาย (สินบนที่จะได้รับการจัดสรรโควต้า), การลักลอบขน (circumventing โควต้า) และราคาที่สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภค
                ในทางเศรษฐศาสตร์, โควต้ามีความคิดที่จะน้อยกว่าทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพกว่าภาษีซึ่งจะมีการเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าการค้าเสรี .

Embargo
                การห้ามส่งสินค้า คือ  การห้ามไม่ให้ประเทศใดประเทศหนึ่งทำการติดต่อค้าขายโดยการส่งสินค้าไปขายหรือสั่งซื้อสินค้า  โดยถือว่าประเทศนั้นเป็นศัตรูของตน  คำสั่งห้ามส่งสินค้านี้ส่วนใหญ่จะใช้ในภาวะของสงครามและการกระทำกับประเทศคู่สงครามและการกระทำกับประเทศคู่สงครามหรือบางครั้งมีคำสั่งในช่วงภาวะปกติไม่ใช่สงคราม  เป็นภาวะชั่วคราวปกติไม่ใช่สงคราม  เป็นภาวะชั่วคราวของการกีดกันทางการค้าดพื่อหวังผลกดดันทางการเมือง

Foreign direct investment (FDI)
                คือ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ( FDI ) หรือการลงทุนต่างประเทศหมายถึงเงินทุนไหลเข้าสุทธิจากการลงทุนที่จะได้รับความสนใจการจัดการที่ยั่งยืน (ร้อยละ 10 หรือมากกว่าของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง) ในการดำเนินงานขององค์กรในทางเศรษฐกิจอื่น ๆ กว่าที่ของผู้ลงทุน[ 1 ]มันเป็น ผลรวมของทุน, การลงทุนใหม่ของรายได้ของเงินทุนระยะยาวอื่นและเงินทุนระยะสั้นตามที่แสดงในที่สมดุลของการชำระเงิน . มันมักจะเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมในการจัดการ , ร่วมทุน , การถ่ายโอนเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญ . ขาเข้าโดยตรงจากต่างประเทศมีสองประเภทของการลงทุนโดยตรงจะมีการลงทุนและขาออกการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศส่งผลให้กำไรสุทธิ FDI ที่ไหลเข้ามา (บวกหรือลบ) และ"สต็อกของการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ"ซึ่งเป็นจำนวนที่สะสมสำหรับช่วงเวลาที่กำหนด ไม่รวมการลงทุนโดยตรงจากการลงทุนผ่านการซื้อหุ้น . [ 2 ] FDI เป็นตัวอย่างหนึ่งของการเคลื่อนย้าย
Consumer goods
                สินค้าเพื่อบริโภค  คือ สินค้าหรือบริการที่ผู้ซื้อซื้อไปเพื่อการอุปโภคบริโภคเองในครอบครัว  เพื่อตอบสนองความต้องการหรือสร้างความพึงพอใจแก่ตนเองหรือสามาชิกในครอบครัว  แตกต่างจากสินค้าเพื่ออุตสาหกรรม (Industrial  Good ) ที่ผู้ซื้อ ซื้อไปใช้งานภายในองค์กร  หรือซื้อไปใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าหรือบริการ  แล้วนำออกมาขายเพื่อแสวงหากำไร 
Import licence
            คือ ใบอนุญาตนำเข้าเป็นเอกสารที่ออกโดยรัฐบาลแห่งชาติอนุญาตการนำเข้าสินค้าบางอย่างลงในอาณาเขตของตน ใบอนุญาตนำเข้าจะถือว่าเป็นอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีการค้าเมื่อนำมาใช้เป็นวิธีการเลือกปฏิบัติต่อสินค้าของประเทศอื่นเพื่อที่จะปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศจากการแข่งขันต่างประเทศ ใบอนุญาตแต่ละระบุปริมาณการนำเข้าที่ได้รับอนุญาตและการอนุญาตให้ใช้ปริมาณทั้งหมดไม่ควรเกินโควต้า . ใบอนุญาตสามารถขายให้กับ บริษัท นำเข้าในราคาที่แข่งขันหรือเพียงแค่ค่าใช้จ่าย แต่ก็เป็นที่ถกเถียงกันว่าวิธีการจัดสรรให้แรงจูงใจในการวิ่งเต้นทางการเมืองและการติดสินบน รัฐบาลอาจจะใส่ข้อ จำกัด บางประการเกี่ยวกับสิ่งที่จะนำเข้าเช่นเดียวกับจำนวนของสินค้าที่นำเข้าและ services.Eg หากธุรกิจมีความประสงค์จะนำเข้าสินค้าทางการเกษตรเช่นผักแล้วรัฐบาลอาจจะกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการนำเข้าดังกล่าวของตลาดในประเทศและ จึงนำข้อ จำกัด
Primary commodity
                คือ  สิ่งใดๆ  ที่สามารถนำเสนอขายให้แก่ตลาดเพื่อให้เกิดความพอใจ ความต้องการเป็นของเจ้าของ  เรียกให้มีการซื้อ  การใช้  หรือการบริโภค  ซึ่งเป็นสิ่งที่ (อาจจะ) ตอบสนองความต้องการและความจำเป็นของผู้ซื้อให้ได้รับความพอใจ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก




bill of lading



การขนส่งทางทะเล


เอกสารเพื่อการส่งออก  ( EXPORT DOCUMENT )
                วัตถุประสงค์ใหญ่ของเอกสารเพื่อการส่งออก เพียงจัดให้มีรายละเอียดที่สมบูรณ์ของสินค้าเพื่อการผ่านขั้นตอนศุลกากรได้ถูกต้องรวดเร็ว นอกจากนั้นเอกสารยังทำหน้าที่ในการขนส่ง การชำระเงินและพิธีการทางเครดิต การประกันภัย และการเรียกร้องค่าเสียหายของสินค้าอีกด้วย

                ในครั้งนี้จะแนะนำถึงเอกสารซึ่งใช้กับการขนส่งทางทะเล ที่ผู้ส่งออกควรทราบตามลำดับดังนี้
1.               BILL OF EXCHANGE (ตั๋วและเงินหรือดราฟท์)
เป็นตราสารที่ผู้รับประโยชน์ (ผู้ส่งออก) เป็นผู้ส่งขายตั๋วแลกเงินคือตราสารที่เปลี่ยนมือได้ชนิดหนึ่ง มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรโดยปราศจากเงื่อนไข ออกโดยบุคคลหนึ่งเรียกว่าผู้สั่งจ่าย (DRAWEE) จ่ายเงินให้บุคคลที่สามเมื่อครบกำหนดเวลาเป็นจำนวนเงินที่แน่นอน หรือจ่ายตามคำสั่งของบุคคลที่สามนั้น
2.               EXPORT LICENCE (ใบอนุญาตส่งออก)
ตามปกติแล้วสินค้าที่ต้องขอใบอนุญาตส่งออกมักจะเป็นสินค้าจำพวกวัตถุดิบเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีการขาดแคลน สินค้าที่ใช้ทางการทหาร หรือในบางครั้งการกำหนดให้มีการขอใบอนุญาตส่งออกถ้าเป็นผลมาจากนโยบายการเมืองระหว่างประเทศ เช่น การลงโทษทางเศรษฐกิจต่อประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นต้น
3.               CERTIFICATE  OF ORIGIN (C/O) (ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า)
วัตถุประสงค์หลักของเอกสารนี้คือ การเรียกร้องสิทธิพิเศษทางภาษีสินค้าในประเทศที่นำเข้าหมายถึงการส่งออกสินค้าจากประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งประเทศไทย ไปยังประเทศที่ให้สิทธิพิเศษทางศุลกากรหรือเรียกว่า จี.เอส.พี  (GSP) นั้น
เอกสารนี้ จะเป็นเครื่องแสดงถึงแหล่งกำเนิดสินค้าของประเทศผู้ส่งออกเพื่อให้ประเทศนำเข้ายอมรับและให้สิทธิพิเศษดังกล่าว
นอกจากนี้ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้านี้จะใช้สำหรับการพิสูจน์ด้วยว่าสินค้านั้นไม่ขัดต่อกฎเกณฑ์การนำเข้าของประเทศนั้น ๆ ด้วย
ฉะนั้นการออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า หรือ c/o จะสามารถกระทำได้ 2 ลักษณะคือ
                        การรับรองเพื่อใช้สิทธิพิเศษทางศุลกากร จะต้องรับรองโดยส่วนราชการผู้รับผิดชอบในเอกสารนี้ คือ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
                        การรับรองเพื่อการค้าขายทั่วไปหรือเมื่อลูกค้าต้องการ สามารถออกใบรับรองได้โดยสภาหอการค้าเพื่อรับรองต้นกำเนิดของสินค้านั้น


4.               CERTIFICATE OF VALUE (ใบรับรองมูลค่าสินค้า)
บางครั้งมูลค่าสินค้าที่แสดงในใบกำกับสินค้า (INVOICE) อาจต้องได้รับการยืนยันโดยใบรับรองมูลค่าสินค้า  ซึ่งต้องมีลายเซ็นของผู้ส่งออกกำกับอยู่ด้วย โดยระบุความจริงทางราคาอย่างชัดเจน หรือไม่ทำให้เข้าใจเป็นอย่างอื่น ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายได้เลยในเรื่องราคาซื้อซึ่งการระบุเช่นนี้จะปรากฎใน Consular Invoice เช่นเดียวกัน
5.               CERTIFICATE OF WEIGHT (ใบรับรองน้ำหนักของสินค้า)
เป็นเอกสารแสดงน้ำหนักของสินค้าทั้งจำนวน อาจจะออกโดยบริษัทหรือ สำนักงานตรวจสอบมาตรฐานสินค้าหรือส่วนราชการ ใบรับรองนี้อาจระบุโดยผู้ส่งออกได้  เว้นแต่เลตเตอร์ออฟเครดิตจะระบุเป็นอย่างอื่น

        ใบรับรองแสดงน้ำหนักของสินค้า  ต้องรับรองน้ำหนักของสินค้าตามที่ระบุในใบกำกับสินค้าและจะต้องไม่ขัดกับเอกสารอื่น ๆ  ตามที่เลตเตอร์ออฟเครดิตระบุไว้

6.               CERTIFICATE  OF  INSPECTION  ( ใบรับรองการตรวจสอบ )
              ผู้ซื้อบางรายต้องการใบรับรองการตรวจสอบ  เพื่อแน่ใจว่าสินค้าที่สั่งซื้อนั้นเป็นไปตามมาตราฐานผู้ส่งออกต้องจัดการเรื่องเหล่นี้ให้ลูกค้าของตนเอง

7.  CERTIFICATE  OF  HEALTH   หนังสือรับรองคุณภาพและอนามัย
                การส่งออกสินค้าประเภทอาหารและผลิตผลทางการเกษตร  ประเทศผู้ซื้อสินค้าส่วนใหญ่จะมีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับสิ่งปนเปื้อนทั้งทางเคมีและทางจุลชีวะตลอดจนซากสัตว์สิ่งสกปรกและสารพิษต่าง ๆ ทั้งนี้จะมีการตรวจวิเคราะห์อยู่เป็นประจำ  สินค้าซึ่งมีการปริมาณสิ่งเจือปนดังกล่าวสูงกว่ากำหนดอาจถูกกันหรือห้ามเข้า  ดังนั้น  การส่งออกสินค้าอาหารและผลิตภัณฑ์ทางเกษตรจึงต้องมีหนังสือคุณภาพและอนามัยแสดงให้ทราบถึงความปลอดภัยในการบริโภคไปด้วย  จึงจะอนุญาตให้นำเข้า
                การส่งออกสินค้าของไทยที่ต้องมีใบรับรองคุณภาพ  จึงมีหน่วยงานของรัฐที่ให้บริการตรวจสอบคุณภาพหลายหน่วยงานด้วยกัน  อาทิ-
                กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  กระทรวงสาธารณสุข  เป็นหน่วยงานที่การตรวจสอบคุณภาพและออกหนังสือรับรองให้แก่ผู้ส่งออกมานานและเป็นที่รู้จักทั่วไป  การขอรับรองหนังสือรับรองประเภทต่าง ๆ  ต้องยื่นคำร้องแจ้งความจำนงขอรับหนังสือรับรองคุณภาพอาหารเพื่อส่งไปยังประเทศผู้ซื้อใดพร้อมส่งตัวอย่างสินค้าที่ผลิตเพื่อวิเคราะห์ด้วย  เจ้าหน้าที่จะพิจารณาตามมาตราฐานของประเทศที่ส่งไปก่อนที่จะออกหนังสือรับรองให้เช่นตัวอย่างต่อไปนี้
                ใบรับรองคุณภาพมาตราอาหาร    :  Analysis   and Health  Certificate
                ใบรับรองปริมาณสารปรอท         :  Mercury   Certificate
ใบรับรองอาหารสดแช่แข็งส่งไปยังประเทศฝรั่งเศส : Health  Certificate  Model  I
ใบรับรองอาหารกระป๋องส่งออกไปยังประเทศฝรั่งเศส : Health  Certificate  Mode II
ใบรับรองคุณภาพอาหารแห้ง และ อื่น ๆ   : Health  Certificate  Mode  II

กรมวิชาการเกษตร  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งของทางราชการที่สามารถให้การรับรองคุณภาพอาหารและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร  มีวัตถุประสงค์ให้บริการวิเคราะห์ตรวจสอบและออกใบรับรองคุณภาพอาหารและผลิตเกษตร , เพื่อการส่งออกให้ได้มาตราฐานและคุณภาพตรงตามมาตราฐานของนานาประเทศ  และเพื่อลดปัญหาการเกษตรของไทยอีกด้วย  ผู้ผลิต  หรือ ผู้ส่งออก  สินค้าในกลุ่มอาหารและผลิตภัณฑ์ควรศึกษาข้อมูลได้ที่  กองเกษตรเคมี กรมวิชาการเกษตร  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ตัวอย่างเอกสาร หนังสือรับรองคุณภาพอาหารที่ออกให้หน่วยงานที่กล่าวมานี้
ใบรับรองการตรวจสอบอาหารปนเปื้อน       : SANITARY  CERTIFICATE
ใบรับรองผลการวิเคราะห์ทางเคมี            : MYCOTOXIN CERTIFICATE
ใบรับรองการวิเคราะห์ปริมาณสารพิษ       : ANALYSIS  CERTIFICATE
ใบรับรองการตรวจปริมาณโลหะหนักฯ      : HEAVY  CERTIFICATE

ในปัจจุบันประเทศไทยมีหน่วยงานที่เกี่ยวกับการออกใบรับรองคุณภาพของสินค้าอยู่หลายหน่วยงานด้วยกัน  ควรจะพิจารณาความเหมาะสมล่วงหน้าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด  สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีดังนี้

1.               กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  กระทรวงสาธารณสุข
2.               กองเกษตรเคมี   กรมวิชาการเกษตร  กระทรวงการเกษตรและสหกรณ์
3.               กรมวิทยาศาสตร์การบริการ  กระทรวงอุตสาหกรรม
4.               มหาวิทยาลัยมหิดล
5.               คณะวิทยาศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
6.               สถาบันค้นคว้าและวิจัยผลิตภัณฑ์อาหาร  ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
7.               สภาวิจัยฯ
8.               OCEAN  BILL  OF  LADING  ( B/L ) ( ใบตราส่งสินค้าทางทะเล )

เป็นเอกสารสำคัญที่สุด  เมื่อมีการส่งสินค้าทางทะเล   Bill  of Lading   เป็นใบรับรอง  มอบสินค้าของบริษัทเรือที่ทำการส่งออก  (ซึ่งจะอธิบายรายละเอียดต่อไป )
ใบตราส่งสินค้าทางทะเล  เป็นเอกสารแสดงสิทธิในสินค้า  และเป็นหลักฐานสัญญาของบริษัทเรือที่จะขนส่งสินค้าทางเรือ  ของประเทศส่งออกไปยังท่าเรือปลายทาง  ใบตราส่งสินค้ามีหลายชนิดดังนี้  คือ
CLEAN  B/L  คือใบตราส่งสินค้าที่บริษัทเรือไม่ได้บันทึกแจ้งข้อบกพร่องของสินสินค้า /  หรือ การบรรจุหีบห่อ

NON-NEGOTIABLE  OR STRAIGHT  B/L
      เป็นใบตราส่งสินค้าที่ยินยอมให้มีการส่งมอบให้แก้ผู้รับสินค้า
( CONSIGNER )ที่ระบุไว้เท่านั้น  จะโอนให้ผู้อื่นมารับไม่ได้

         ORDER  B/L
          ใบตราส่งสินค้าที่ออก  โดยมีการส่งมอบสินค้าตามคำสั่ง  ( ORDER ) ปกติตามคำสั่งของผู้ส่งสินค้าหรืออาจเป็นลอย  ๆ ซึ่งต้องมีการสลักหลังโดยผู้ส่งสินค้าเพื่อเป็นการโอนสิทธิ์ในสินค้าให้กับผู้ทรง  ( HOLDER )   หรือผู้ที่ได้รับการโอนสิทธิ์ให้  โดยเจาะจงการสลักหลังใบตราส่งสินค้ามาถึงแล้วเท่านั้น

  ORDER  “ NOTIFY” B/L
   เหมือนกับใบตราส่งสินค้าชนิด   “ ORDER”    เพียงแต่เพิ่มข้อความในใบตราส่งสินค้า  ว่าเมื่อสินค้าถึงเมืองท่าปลายทางแล้ว  ตัวแทนบริษัทเรือที่มีเมืองท่าปลายทาง  จะแจ้งให้กับผู้รับ
สินค้าทราบการแจ้งนี้ไม่ถือเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ ในสินค้านั้นให้กับผู้รับแจ้ง  เพียงเป็นเรื่องแจ้งให้ทราบว่าสินค้ามาถึงแล้วเท่านั้น
                                เป็นตราสารแสดงสิทธิ์ของผู้ทรงและเปลี่ยนมือได้  (NEGOTIABLE INSTRUMANT) คือเป็นเอกสารแสดงสิทธิในสินค้าและโอนสิทธิต่อ ๆ กันได้ BILL OF LADING  นี้ยังแบ่งออกเป็น
“ THROUGH” BILL OF LANDING เป็นใบตราส่งออกในกรณีที่การขนส่งทั้งทางบกและทางทะเล ซึ่งระบุการขนส่งไว้ตลอดทาง ปกติผู้รับขนส่งคนแรกจะเป็นผู้ออกใบตราส่งชนิดนี้

“RECEIVED FOR SHIPMENT” BILL OF LANDING   เป็นใบตราส่งสินค้าชนิดที่มีลักษณะเป็นเพียงสัญญาแสดงว่าได้รับการสินค้าไว้เพื่อจะทำการขนส่ง   แต่ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าสินค้าได้ขึ้นเรือลำที่ระบุไว้เป็นการเรียบร้อยแล้ว

“SHIPPED  ON  BOARD ”  BILL  OF  LADING    เป็นใบตราส่งซึ่งแสนดงว่าสินค้าได้ขึ้นเรือระวางเรือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“CHARTER  PARTY ”  BILL OF  LADING   เป็นใบตราส่งที่ผู้รับขนได้เช่าเรือของผู้อื่นมารับทำการขนส่งสินค้าซึ่งระบุเงื่อนไขให้สัญญาขนส่งติดแยกจากใบตราส่งชนิดอื่น

9.  THE  COMMERCIAL  INVOICE  ( ใบกำกับสินค้าหรือบัญชีราคาสินค้า )
        มีสาระสำคัญในใบกำกับสินค้า   ควรตรวจสอบให้ถูกต้อง  มีที่น่าสนใจอีกคือ
        -      สินค้าในใบกำกับสินค้า   จะต้องไม่แสดงว่าเป็น  สินค้าที่ใช้แล้ว   ( USED ) “ สินค้าที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่     ( REBUILT ) หรือ  สินค้าที่เปลี่ยนมือ   ( SECONDHAND)
เว้นแต่เลตเตอร์ออฟเครดิตจะอนุญาตไว้โดยเฉพาะ
-                   ใบกำกับสินค้าจะต้องมีการประทับตรารับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยสถานฑูต หรือ กงสุลที่เกี่ยวกับ  ถ้าเลตเตอร์ออฟเครดิตระบุไว้
-                   เครื่องหมายและตัวเลขบนหีบห่อ  ( SHIPPED MARKS & NUMBERS )   ในใบกำกับสินค้าจะเหมือนกับใบตราส่ง  ( BILL  OF LADING )  และ / หรือ เหมือนกับเอกสารการส่งสินค้าอื่น ๆ และ / หรือ เหมือนกับเครื่องหมายหีบห่อ และตัวเลขที่กำหนดไว้ในเลตเตอร์ออฟเครดิต
-                    ใบกำกับสินค้า จะต้องไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษอื่น    เช่น ค่านายหน้า  (COMMISSION )
ค่าเก็บรักษาสินค่า   ( STORE  CHARGES )  ค่าโทรเลข  (CABLE CHARGES )  ค่าธรรมเนียม  ในการส่งสินค้าล่าช้ากว่าที่กำหนด    ( DEMURRAGE  )   เป็นต้น  เว้นแต่เลตเตอร์ออฟเครดิตที่จะกำหนด
         -     ถ้ายังไม่มีการยื่นใบกำกับสินค้าชนิดชั่วคราว   ( PROVISIONAL   INVOICE )  ธนาคารจะไม่รับใบกำกับสินค้าชนิดชั่วคราว  ยกเว้นแต่เลตเตอร์ออฟเครดิตที่กำหนดไว้
         -      ถ้าเลตเตอร์ออฟเครดิตอนุญาตให้มีการส่งสินค้าเป็นบางส่วน    (  PARTIAL  SHIPMENTS )   มูลค่าของสินค้าในกำกับสินค้าจะต้องได้สัดส่วนกับจำนวนสินค้าที่แบ่งส่งนั้น

 10. CUSTOMS  INVOICE  ( ใบกำกับสินค้าของศุลกากร )
                ในทางประเทศจะกำหนดให้ใช้ใน    CUSTOMS  INVOICE   โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ และ ประเทศในอัฟริกาบางประเทศ
                ลักษณะของใบ   CUSTOMER  INVOICE  คือ ใบกำกับสินค้า  ( OFFCIAL INVOICE )   ที่จะต้องเตรียมเป็นฟอร์มพิเศษ  ออกโดยผู้มีอำนาจทางศุลกากรระบุราคาสินค้าทางศุลกากรเพื่อสะดวกในการคำนวณภาษีปกติรายการสินค้า  แต่ละชนิดจะแยกราคาสินค้าระหว่างเรือและค่าเบี้ยประกันออกจากกัน


ตัวอย่างประเทศที่ใช้ในใบกำกับสินค้าของศุลกากร  หรือ   CUSTOMER INVOICE   นี้ ได้แก่แคนาดา,ฟิจิ, ชามัว, แซนเนีย , กานา ไนจีเรีย  และ อิสราเอล

                สำหรับ   CANADA  CUSTOMER  INVOICE  นั้นกรมศุลกากรแคนาดาได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและแบบฟอร์มแบบใหม่โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่  1  มกราคม  2528  เป็นต้นมา  กรมศุลกากรแคนาดาไดแจ้งรายละเอียดในการกรอกแบบฟอร์มใหม่นี้สรุปสาระสำคัญดังนี้
1.   การส่งสินค้าไปยังแคนนาดา  เพื่อการค้าทั้งหมดหากมีมูลค่าเท่ากัน หรือสูงกว่า  800  เหรียญแคนาดา ( เดิมกำหนด 500  เหรียญแคนนาดา ) แล้วจะต้องส่งเอกสาร  CANADA  CUSTOMER  INVOICE   ซึ่งระบุรายละเอียดตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนดไว้
2.  CUSTOMER INVOICE   ของแคนนาดาอาจจัดเตรียมได้ทั้งผู้ส่งออก  หรือผู้นำเข้า  หรือตัวแทนจำหน่าย
3.รายละเอียดในใบ  CUSTOMER INVOICE   จะต้องระบุชื่อผุ้ซื้อและผู้ขายสินค้าแยกรายละเอียดของราคาสินค้าออกจากค่าขนส่งค่าบรรจุหีบห่อ เพื่อส่งออกให้ชัดเจน
โดยปกติการใช้  CANADA  CUSTOMER  INVOICE 
11.  CONSULAR INVOICE    (ใบกำกับสินค้าของกงสุล )
        กฎเกณฑ์การนำเข้าของบางประเทศ  กำหนดไว้จะต้องมีใบกำกับสินค้า ซึ่งรับรองโดยสถานฑูตของคนที่ตั้งอยู่ในประเทศของผู้ขาย  เพื่อรับรองราคา
                 ดังนั้น  จึงขอให้สถานฑูตกงสุลเป็นผู้ออกใบกำกับราคา  ซึ่งต้องเสียค่าธรรมเนียม ให้สถานกงสุลตามระเบียบนั้น
 สาระสำคัญที่ควรเป็นข้อสังเกตในแบบฟอร์มนี้  ได้แก่
        1.  แบบฟอร์มใบกำกับราคาสินค้าสที่ออกดดยสถานกงสุลต้องได้รับการประทับตราทางราชการ   และลงนาม โดยสถานกงสุลของประเทศที่นำเข้า   เว้นแต่เลตเตอร์ออฟเครดิตจะอนุญาตให้ใบกำกับราคาสินค้านั้น ๆ  ออกโดยสถานกงสุลของประเทศพันธมิตรอื่น ๆ
         2. จะต้องกรอกข้อความที่ต้องการลงในช่องว่างที่กำหนดให้สมบูรณ์  ในบางประเทศ จะคิดค่าปรับสำหรับการละเว้นการเติมข้อความในแบบฟอร์มนั้นด้วย
         3.  ต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความใน   CONSULAR  FORMS   ถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงจะต้องมีหนังสือของสถานกงสุลนั้นกำกับ  หากไม่มีหนังสือกำกับ บางประเทศอาจคิดว่าปรับได้

ตัวอย่างประเทศที่ใช้ใบกำกับสินค้าของกงสุล

เช่น  ประเทศโบลิเวีย  ซึ่งจะเรียกว่า   OFFICIAL  COMERCIAL   INVOICE นอกจากนี้มี 4ประเทศที่ใช้และต้องแปลเป็นภาษาสเปน  ได้แก่  สาธารณรัฐโดมินิกัน  ฮอนดูรัส , ปารากวัย และ ปานามา
( ซึ่งใช้ทั้งภาษาอังกฤษและสเปน  )  โดยปกติจะใช้สำเนา  3-5  ฉบับ
        12.   F.T. 1  ( Foreign  Transaction )    แบบธุรกิจต่างประเทศ  ..   1
                       .. 1    คือแบบพิมพ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ตาม  พรบ. ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน   ..  2485   เป็นรายงานการส่งออก  ๖ใช้สำหรับการส่งออกที่มีมูลค่าครั้งละเกินกว่า   500,000 บาท )
ซึ่งผู้ส่งออกเป็นผู้ยื่นประกอบใบขนสินค้าขาออกโดยจัดทำ  2  ฉบับ  คือ 1.) ต้นฉบับ  2.) สำเนา  แบบพิมพ์  .. 1  นี้ขอรับได้จากกรมศุลกากร และไม่ต้องมีการรับรองจากธนาคารพาณิชย์
        13.  CERTIFICATE OF FUMIGATION (ใบรับรองการรมยา)
สำหรับสินค้าทุกชนิดที่เป็นผลิตภัณฑ์จากพืช เพื่อเป็นการทายศัตรูพืชทุกชนิดนอกจากนั้น เป็นการทำลายเชื้อราต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการขนส่งสินค้า ดังนั้นกรรมวิธีการรมควันจึงเป็นการป้องกันที่ต้นเหตุได้อย่างดี
14.         CUSTOMS ENTRY FORM (ใบขนสินค้าที่ใช้ทางศุลกากรของแต่ละประเทศ)
ซึ่งจะมีใช้ทั้งการนำสินค้าเข้าและการส่งสินค้าออก โดยแต่ละประเทศจะกำหนดขึ้นใช้ตามความหมาะสม เพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบพิธีการ ชำระภาษีอากร และการตรวจปล่อยสินค้า จากการอารักขาของศุลกากร ปัจจุบันใบขนส่งสินค้าของกรมศุลกากรของไทยได้ใช้แบบอย่างตามเอกสารกระทัดรัดและสะดวกต่อการเก็บรักษาอีกด้วย
15.         PHYTOSANITARY CERTIFICATE (ใบรับรองการปลอดโรคและศัตรูของพืชทุกชนิด)
เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคพืชต่าง ๆ เอกสารชนิดนี้ออกโดยหน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับการรับรองจากนานชาติ สำหรับกรรมวิธีการปฏิบัตินั้นอาจใช้บริการ ศึกษาได้จากหัวข้อ  การส่งออก สินค้าเกษตร
16.         CERTIFICATE OF ANALYSIS (ใบวิเคราะห์สินค้า)
เป็นเอกสารแสดงการตรวจสอบสินค้าทางวิทยาศาสตร์ ให้ทราบถึงส่วนผสมต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสินค้าและให้การรับรองเป็นเอกสาร ถ้าเป็นอาหารที่บริโภคได้ก็จะวิเคราะห์ออกมาว่าไม่มีสิ่งเจือปนที่เป็นพิษตามหลักเกณฑ์สากล หรือมาตรฐานที่แต่ละประเทศกำหนด ถ้าเป็นเคมีภัณฑ์ก็แยกออกมาให้ทราบถึงส่วนผสมที่มีอยู่ เพื่อสะดวกแก่การนำสินค้าดังกล่าวเข้าประเทศ
17.         CERTIFICATE OF VACINATION (ใบรับรองการฉีดวัคซีน)
ซึ่งใช้กับสิ่งมีชีวิตที่เป็นสินค้าทุกชนิด เพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นอาจเป็นพาหะนำโรคไปเผยแพร่ทุกประเทศจึงมีการเข้มงวดกวดขันป้องกัน การจะนำพาหรือส่งออกเป็นสินค้าจำเป็นต้องมีหนังสือรับรองการปลอดโรค  ผู้ซื้อจึงจะสามารถนำเข้าประเทศได้
18.         INSURANCE CERTIFICATE (ใบรับรองการประกันภัย)
การประกันภัยเป็นส่วนสำคัญของการค้าระหว่างประเทศ คือสินค้าได้รับการคุ้มครองความเสียหายจากภัยที่เกิดขึ้นจากการขนส่งสินค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง หลักฐานเอกสารที่สำคัญก็คือ สัญญาประกันภัย ที่เรียกว่า กรมธรรม์ เป็นสัญญาที่ผู้รับประกันตกลงยินยอมประกันความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยผู้เอาประกันจะจ่ายค่าเบี้ยประกันให้ผู้รับประกันตามอัตราที่ตกลงกัน สำหรับสัญญาประกันภัย หรือกรมธรรม์ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1.               กรมธรรม์ที่กำหนดมูลค่าของสินค้าในการขนส่งแต่ละเที่ยว ตามมูลค่าสินค้าที่ตกลงซื้อขาย และคิดเพิ่มอีก 10% นั่นเอง สำหรับหลักฐานทางเอกสารที่ออกให้ก็คือ  กรมธรรม์ประกันภัย  (INSURANCE POLICY)
2.               กรมธรรม์เปิด OPEN POLICY OR OPEN COVER หรือจัดให้มีกรมธรรม์ลอยที่เรียกว่า FLOATING INSURANCE หมายถึงการซื้อขายสินค้ารายใหญ่ที่ต้องมีการส่งมอบกันหลายเที่ยว ย่อมไม่สะดวกในการแจ้งบริษัทประกันภัยทุกครั้งที่ส่งไปจึงนิยมใช้แบบกรมธรรม์เปิดหรือกรมธรรม์ลอย และยังเป็นการประหยัดค่าธรรมเนียมพร้อมอากรแสตมป์อีกด้วย ที่สำคัญก็คือ ได้รับความคุ้มครองโดยอัตโนมัติสำหรับสินค้าที่ส่งไปทุกเที่ยวจนกว่าจะหมดตามสัญญา ดังนั้น สินค้าที่ส่งไปแต่ละเที่ยวบริษัทผู้รับประกันจึงออก  หนังสือรับรองประกันภัย INSURANCE CERTIFICATE  แทนกรมธรรม์ให้เท่านั้น
ใบรับรองการประกันภัย (INSURANCE CERTIFICATE) เป็นเอกสารที่สำคัญในการนำเข้าตามกฎเกณฑ์ของบางประเทศที่ต้องแนบไปด้วย ในเงื่อนไขการซื้อขายของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (CIF) เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา และบางประเทศในยุโรป เป็นต้น
19.         PACKING LIST (ใบรายการบรรจุหีบห่อ)
เป็นเอกสารที่สำคัญอย่างหนึ่งซึ่งแสดงให้ทราบถึงการบรรจุสินค้าลงไปในบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในการขนส่งระหว่างประเทศ เพื่อสะดวกในการตรวจสอบสินค้าทั้งต้นทางและปลายทางสำหรับสินค้าปกติเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะใช้วิธีการสุ่มตรวจตามอัตราส่วนที่เหมาะสม โดยจะไม่ทำการตรวจสินค้าทั้งหมดด้วยการเปิดหีบห่อ ซึ่งอาจทำให้บรรจุภัณฑ์และสินค้าเกิดการเสียหายหรือสูญหายได้ ดังนั้น ใบรายการบรรจุหีบห่อควรรายละเอียดให้เพียงพอ
20.         SANITARY CERTIFICATE (ใบรับรองการตรวจสอบอาหารที่เป็นของสดหรือแช่แข็ง)
ใบรับรองประเภทนี้จะออกให้แก่ผู้ส่งออก เพื่อรับรองว่าผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์ที่ส่งออกไปปลอดโรคและสิ่งปนเปื้อนที่จะเป็นอัตรายต่อผู้บริโภค ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดตามมาตรฐานหรือข้อกำหนดที่ประเทศผู้ซื้อกำหนดด้วย สำหรับหน่วยงานที่มีอำนาจออกหนังสือรับรองประเภทนี้เป็นไปตามส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น สินค้าประเภทสัตว์น้ำจะออกใบรับรองโดย กรมประมง เป็นต้น
ข้อสรุปในการจัดทำเอกสาร-เพื่อการส่งออกควรจัดทำไว้เป็น  2   ชุด
ชุดที่  1.   ใช้ในการผ่านพิธีการศุลกากรภายในประเทศ   สำหรับสินค้าส่งออก  ตามระเบียบของกรมศุลกากรทุกประเภท
 ชุดที่ 2.  เป็นชุดที่ต้องจัดส่งไปให้ผู้รับสินค้าปลายทาง  หรือผู้ซื้อนั่นเอง  ควรทำและจัดหาให้ครบตามที่ผู้ซื้อต้องการ  หรือ ถ้าเป็นการขายสินค้าโดยมี  แอล.ซี.  ต้องตรวจสอบให้ครบถ้วนตามที่   L/C  ได้กำหนดไว้   ซึ่งต้องลงรายละเอียดและหาข้อมูลตามเงื่อนไขโดยถูกต้องด้วย